วันพฤหัสบดี, ตุลาคม 27, 2548

 

ฝ่าขีดจำกัดของตนเอง ( พันโทอานันท์ ชินบุตร) business.com

เอาพลังของคุณคืนมา

-- การบรรลุความสำเร็จไม่ได้เกิดจากปาฎหารย์ใดๆ ยกเว้นว่าคุณคิดเช่นนั้น มันอยู่ที่พลังสองตัวคือ

พลังแห่งความคิดและพลังแห่งการกระทำ ซึ่งรวมกันเป็นพลังแห่งตน เมื่อใดที่คุณใช้พลังแห่งตนเต็มที่

ความสำเร็จก็ตามมา

คุณต้องคิดและกระทำให้เต็มศักยภาพของคุณ เมื่อคุณใช้ศักยภาพที่รู้จักก่อน ศักยภาพที่ไม่รู้จักก็จะตามมา

คุณจะสลัดทิ้งข้อจำกัดและข้ออ้างทั้งหลายที่ขวางกั้นและฉุดรั้งคุณไว้ เมื่อคุณมุ่งความรู้สึกไปที่ "ทำไม" คุณถึงเกิดพลังขับเคลื่อน เมื่อคุณเคลื่อนที่ก็จะเชื่อมั่นในตนเองมากขึ้นเรื่อยๆ
บอกตัวเองทุกวัน ทุกเวลาว่า "ฉันทำได้"

แม้จะต้องเริ่มต้นด้วยการโกหกตัวเอง แต่ก็เป็นการ "โกหกตัวเองสู่ความสำเร็จ"

พลังข้ออ้างและข้อจำกัดมีพลังเหนือพลังแห่งตนของคุณอยู่หรือ ? ถ้าเช่นนั้นคุณต้องเริ่มฝึกมองเห็นและรู้สึกในใจทุกวันและทุกเวลาที่มีโอกาส ว่าตัวเองกำลังทำได้สำเร็จ
ใช่แล้ว คราวนี้คุณโกหกตัวเองด้วย "ภาพ" และ"ความรู้สึก" เสริมเข้าไปกับการโกหกตัวเองด้วย"คำพูด" ที่ว่า ฉันทำได้ เมื่อคำพูด ภาพ และความรู้สึกมารวมกัน
ก็จะกลายเป็นเป้าหมายให้จิตใต้สำนึกพาตัวคุณไปสู่ความสำเร็จเช่นนั้น

ในตอนที่คุณโกหกตัวเองจำเป็นเหลือเกินที่คุณต้องไม่สงสัยใดๆ และโกหกไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็ดีเอง พลังแห่งการโกหกตัวเองเช่นนี้จะได้ชัยชนะ
เหนือพลังข้ออ้างและข้อจำกัดที่สมองพยายามขัดขวางและเหนี่ยวรั้งคุณไว้ให้คงอยู่ในความสบายเดิมๆ

พลังแห่งการคิดและการกระทำเป็นขุมพลังที่ยิ่งใหญ่ที่จะทำให้คุณไกลเกินความเชื่อที่กำลังจำกัดให้คุณอยู่กับที่ ต้องการให้คุณเป็นคนป่วยไร้เรี่ยวแรงอยู่แต่บนเตียงคนไข้มีคน
มาคอยป้อนน้ำและอาหาร

การลงมือปฏิบัติเยียวยาทุกสิ่ง

--- คุณอาจถามตัวเองว่า .... ก็ฉันจะปฏิบัติได้อย่างไรในเมื่อฉันกำลังกลัว ....ฉันไม่เคยทำมาก่อน หรือว่ามันเป็นเช่นนั้น เช่นนี้ ... คุณรู้หรือไม่ว่าเสียงที่ถามคือเสียงของใคร ?
แน่นอนมันคือเสียงของ "มาร" คือเสียงของ "ไอ้ตัวลบ" ที่สิงสู่อยู่ในตัวคุณ คุณจะปล่อยให้มันมีพลังเหนือคุณอยู่อย่างนั้นหรือ



คุณต้องเริ่มสตาร์ทเครื่อง ใส่เกียร์ เหียบคันเร่ง แม้ว่าจะหนัก แต่คุณต้องเริ่มออกตัว การก้าวไปข้างหน้าแม้เพียงนิ้วเดียวก็เท่ากับการก้าวหน้าแล้ว
เมื่อคุณเคลื่อนที่ไปเรื่อยๆ อย่าลืมโกหกตัวเองตลอดเวลาด้วยคำพูด ภาพ และความรู้สึก เสียงที่กำลังค้านคุณจะพร่ามัวหรือถูกแทนที่ไปเอง

เมื่อคุณเคลื่อนที่ไปได้แม้แต่หนึ่งนิ้วให้คุณชมเชยตัวเองทั้งในใจและนอกใจ คุณต้องเฉลิมฉลองราวกับเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ เหมือนที่นีล อาร์มสตรอง นักบินอวกาศคนแรกที่ไป
ลงเหยียบบนผิวดวงจันทร์รายงานกลับมายังโลกว่า " A Small Step of a Man, A Giant Leap of mandkind" "หนึ่งก้าวเล็กๆชองมนุษย์ คือก้าวกระโดดยักษ์ของมนุษย์ชาติ"
รอยเท้าของมนุษย์ที่เหยียบบนลูกรังธรรมดามันไร้ค่าสิ้นดี แต่ถ้าคุณสามารถประทับรอยไว้บนดวงจันทร์นั้นมันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงใช่ไหมล่ะ ? การก้าวไปหนึ่งนิ้วของคุณก็เปรียบได้ดั่ง
ก้าวกระโดดยักษ์ของชีวิตที่เกิดจากขุมพลังที่ใส่ลงไป เป็นพลังแห่งความคิดและพลังแห่งการกระทำที่คุณลากตัวเองหนีแรงดึงดูดของมารร้ายของความป่วยที่ต้องการให้คุณอยู่ที่เดิม

จงรู้อย่างแน่ชัดว่าดวงจันทร์ของคุณอยู่ที่ไหน มันคืออะไร ใช้พลังแห่งตนลาก ดึง ดัน ไปจนกว่าจะคล่องตัว เรียนรู้และปรับแก้ไประหว่างทาง คุณไม่จำเป็นต้องรู้ทั้งหมดหรือมั่นใจ
อย่างเต็มเปี่ยมแล้วถึงจะเริ่มทำอะไร อยู่ที่การออกตัวไปข้างหน้าครั้งแรกต่างหาก ที่เหลือก็ง่าย ความมั่นใจจะมีมากขึ้น เพราะมันเกิดโมเมนตัมหรือแรงส่งหนุนที่เกิดทักษะและประสพการณ์
เกิดความรู้ เกิดความอุตสาหะที่จะทำและรู้สิ่งใหม่ๆ เพิ่มเติม ความสามารถของคนเราไม่ได้เติบโตแบบเลขยกกำลัง กล่าวคือทวีตัวรวดเร็วและมากขึ้นเรื่อยๆ จงกระทำอย่างที่ประธานาธิบดี
ธีโอดอร์ รูสเวลท์ กล่าวไว้นั่นคือ "ทำที่ทำได้ ด้วยสิ่งที่มี ณ ที่ที่คุณอยู่นั่นแหละ" แล้วทุกอย่างจะเติมเต็มเข้ามาเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นทักษะใหม่ ไอเดียใหม่ ผลลัพธ์ใหม่ๆ
จะผ่านเข้ามาเอง และจะสะสมอยู่ในตัวคุณ เพื่อแปลงสภาพคุณไปเป็นบุคคลที่สมควรจะได้รับผลลัพธ์ดีๆ ขึ้นเรื่อยๆ


แบบฝึกหัดลงมือปฎิบัติ

----มีอะไรบ้างที่คุณต้องทำในกิจวัตรประจำวันและรู้ว่าถ้าทำแล้วชีวิตจะดีขึ้น เลือกมาหนึ่งอย่างแล้วเริ่มทำจากจุดเล็กๆ เช่น หากคุณจะต้องจัดโต๊ะทำงานเพื่อทำให้สมองปรอดโปร่ง
ก็จัดการเก็บและจัดมันซะเลย

---มีอะไรบ้างที่สำคัญขึ้นกว่าเดิม และเป็นความฝันของคุณ เช่นเป็นจิตรกรที่ยิ่งใหญ่ ให้คุณเริ่มต้นด้วยการหาประวัติของคนเหล่านั้นมานั่งอ่าน ไปซื้อเครื่องวาดภาพเล็กๆน้อยๆ
หาสมุดสอนวาดภาพมาเลียนแบบทำตาม เข้าฝึกอบรม เข้าหากลุ่มจิตรกร แล้วก็หาเวลาทำมากขึ้นเรื่อยๆ จากน้อยไปมาก เป็นต้น


---โกหกตัวเอง ด้วยคำพูด ภาพ (ทั้งที่หลับตาเห็นและลืมตาเห็น) และความรู้สึก วันละหลายๆหน



<< Home

This page is powered by Blogger. Isn't yours?